วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การศึกษาดูงานโรงเรียนเทศบาล ๓ (บ้านบ่อ) เทศบาลเมืองกาญจนบุรี

การศึกษาดูงาน โรงเรียนเทศบาล ๓ (บ้านบ่อ) เทศบาลเมืองกาญจนบุรี
วันที่ 24 กรกฎาคม 2552

¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤

ข้อมูลพื้นฐาน
โรงเรียนเทศบาล ๓ (บ้านบ่อ) ตั้งอยู่เลขที่ 794 ถนนแสงชูโต ตำบลปากแพรก
อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71000 หมายเลขโทรศัพท์ 0-3451-1112
โทรสาร 0-3462-3564 www. tessaban 3 .ac.th
โรงเรียนเทศบาล ๓ (บ้านบ่อ) ได้รับอนุเคราะห์ที่ดินจากส.ต.ต.จำนง อุตสาหกิจ ให้เป็นสถานศึกษาในระดับประถมศึกษา จำนวน 3 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2482 และได้ก่อสร้างอาคารไม้ 1 หลัง ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 ได้โอนเข้ามาเป็นโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2518 ขณะนั้นมีนางบุญรอด เทพาสิต เป็นครูใหญ่คนแรก และมีคณะครูประกอบด้วยครูชาย 3 คน ครูหญิง 11 คน
พ.ศ. 2520 ก่อสร้างอาคารเรียนตามแบบกทม.800-2520 อาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก 3 ชั้น 9 ห้องเรียน
พ.ศ.2551 ต่อเติมอาคารเดิมปี 2550 จำนวน 3 ชั้น 9 ห้องเรียน
พ.ศ.2524 ก่อสร้างอาคารเรียนตามแบบกรมสามัญศึกษา 424 ล. 2 ชั้น
4 ห้องเรียน
พ.ศ.2524 ซื้อที่ดินภายใต้การนำของท่านทัตตชีโวจำนวน 2 งาน
พ.ศ.2529 สร้างอาคารอเนกประสงค์ขนาด 8 ×20 เมตร ตามแปลนเทศบาล
พ.ศ.2530 ต่อเติมอาคาร 2 ชั้น จำนวน 8 ห้องเรียน
พ.ศ.2537 ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ 3 ชั้น
พ.ศ.2543 ได้ก่อสร้างอาคาร 4 ชั้น 12 ห้องเรียน ตามแบบของสน.ศท.4/12 คอนกรีตเสริมเหล็ก
พ.ศ.2544 ได้ก่อสร้างอาคารประกอบใต้อาคาร 4 จำนวน 4 ห้อง
พ.ศ.2546 ก่อสร้างป้ายประชาสัมพันธ์และซุ้มนั่งพักของผู้ปกครองและนักเรียน



นโยบายและเป้าหมาย

นโยบายการจัดการศึกษา
มุ่งพัฒนานักเรียนและครูตามนโยบายของทางโรงเรียน 6 ประการ
1. จัดการศึกษาในระดับก่อนประถมศึกษาเตรียมความพร้อมของนักเรียนด้าน ร่างกาย อารมณ์สังคม จิตใจ สติปัญญา ให้ปรับตัวเข้ากับสังคม สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เพื่อเป็นพื้นฐานระดับประถมศึกษาต่อไป
2. การจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษามุ่งเน้นให้นักเรียนมีความรู้ ความสามารถทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ มีความรู้ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ได้ดี ใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่เหมาะสม มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดี รักและเข้าใจในศิลปวัฒนธรรมไทย
3. ครูจัดกระบวนการเรียนการสอนที่เหมาะสมโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เรียนรู้อย่างมีความสุข มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีสุขภาพกายและจิตใจที่ดี ใฝ่เรียนใฝ่รู้และศึกษาในระดับสูงต่อไป หรือประกอบอาชีพที่สุจริตมีประสิทธิภาพดำรงชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข
4. นักเรียนที่จบประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รับการสนับสนุนให้ได้ศึกษาต่อจนครบ 12 ปี นักเรียนที่จบได้รับการดูแลช่วยเหลือตามศักยภาพ
5. ส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ทันสมัย ในการจัดการเรียนการสอนพัฒนาการสอนให้ก้าวหน้าสู่การเริ่มระดับหรือตำแหน่งทางวิชาการ และพัฒนาตนเองให้รอบรู้กว้างไกล
6. ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ชุมชน ร่วมมือพัฒนาโรงเรียนในด้านหลักสูตรการสอนตลอดจนการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน
เป้าหมาย
- ด้านปริมาณ
1. นักเรียนอนุบาลมีประสิทธิภาพด้านการเรียนต่อในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ได้ 100%
2. นักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ซึ่งอยู่ในเขตบริการจะต้องเข้าเรียนทุกคนและจบหลักสูตรภายในระยะเวลา 6 ปี คิดเป็นร้อยละ 96 %
3. อัตราการสอบซ้ำชั้นของนักเรียนชั้น ป.1 – ป.5 จะต้องไม่เกินร้อยละ 2
4. อัตราการออกกลางครันของนักเรียนต้องไม่เกินร้อยละ 1 ของนักเรียนทั้งหมด
- ด้านคุณภาพ
1. ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้ระดับ 3-4 ในระดับชั้น ป.1- ป.6
ในปีการศึกษา 2548
2. ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องพยาบาล ให้บริการเป็นอย่างดี
3. อาคารสถานที่ภายในและภายในห้องเรียนสะอาดร่มรื่น สามารถสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนการสอนได้ตลอดเวลา
4. สนับสนุนกิจกรรมการเรียนการสอนในด้านต่างๆ เช่น ศิลปะ นาฏศิลป์ พลศึกษา เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
การจัดการศึกษาระดับปฐมวัย



วิสัยทัศน์สายชั้นอนุบาล


มารยาทงามเด่น เน้นประสบการณ์ตรง ส่งเสริมพัฒนาการ ประสานชุมชน


พันธกิจระดับอนุบาล

1. เด็กระดับอนุบาลทุกคนได้รับการฝึกฝนมารยาทในการไหว้ และทำได้สวยงาม
2. เด็กได้เรียนรู้จากของจริง สถานที่จริง เกิดการเรียนรู้แบบองค์รวม
3. เด็กได้รับการส่งเสริมพัฒนาการ 4 ด้าน อย่างสมดุล ได้แก่ ร่างกายเจริญเติบโต
อารมณ์ จิตใจ ร่าเริง กล้าแสดงออก มีสุนทรียภาพทางศิลปะและดนตรี สังคม มี
น้ำใจเอื้อเฟื้อแบ่งปัน ด้านสติปัญญา ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน รักการเรียนรู้
4. มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ระหว่าง เด็ก ครู ผู้ปกครอง อย่างน้อยภาคเรียน
ละ 1 ครั้ง

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระดับปฐมวัย

กิจกรรมหน้าเสาธง
กิจกรรมจะแยกจากส่วนของนักเรียนประถมศึกษา ลำดับกิจกรรมมีดังนี้
1. การเชิญธงชาติ ชักธง ร้องเพลงชาติ และสวดมนต์ไหว้พระ (มีผู้นำสวดมนต์สั้น)
2. ทำสมาธิภาวนาประกอบเพลง “ดั่งดอกไม้บาน”
3. กิจกรรมคารวะธรรม
- เด็กไหว้ครู (สวัสดีคุณครู)
- เด็กไหว้ซึ่งกันและกัน (สวัสดีเพื่อนๆ)
- เด็กไหว้รุ่นพี่ (สวัสดีพี่ๆ สวัสดีน้องๆ)
4. ร้องเพลงเทิดสถาบันพระมหากษัตริย์ “เพลงพ่อแห่งแผ่นดิน”และมาร์ชโรงเรียน
5. กิจกรรมเสริมประจำสัปดาห์ ดังนี้
วันจันทร์ : กิจกรรมเล่านิทาน สร้างสรรค์ความคิด
วันอังคาร : กิจกรรมโยคะ พัฒนาสมาธิ
วันพุธที่ : กิจกรรมงามอย่างไทย ฝึกการกราบ การไหว้
การนั่ง การเดิน
วันพฤหัสบดี : กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
วันศุกร์ : กิจกรรมบริหารสมอง (Brain Gym)


หลังจากนั้นจะเป็นช่วงดื่มนมและแยกเข้าห้องเรียน เพื่อเข้าสู่กิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมดังนี้

1. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
o ระดับอนุบาล 1 จะเป็นการเคลื่อนไหวและจังหวะแบบพื้นฐาน
o ระดับอนุบาล 2 จะจัดกิจกรรมตาราง 9 ช่อง ควบคู่ไปกับกิจกรรมนี้

2. กิจกรรมเสริมประสบการณ์
o เนื้อหาจัดเป็นหน่วยการจัดประสบการณ์คล้ายของกรุงเทพมหานคร
o รูปแบบแผนการสอนเป็นแบบบรรยายแนวตั้ง แทรกหลักเศรษฐกิจพอเพียงและหน่วยการเรียนรู้ท้องถิ่น
o เน้นการฝึกปฏิบัติจริง เรียนรู้โดยแนวทางการทำโครงงาน มีภูมิปัญญาท้องถิ่นและผู้ปกครองมาร่วมจัดประสบการณ์เรียนรู้ร่วมกับเด็กและคุณครู เช่น หน่วยส้มตำ หน่วยขนมไทย เป็นต้น

3. กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
o รูปแบบเน้นการตัด ฉีก ปะ ระบายสี คล้ายกับการจัดกิจกรรมของโรงเรียนกรุงเทพมหานคร แต่รณรงค์ให้นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการสร้างสรรค์งาน เช่น ตุ๊กตาจากถุงนม รถจากกระดาษลัง ต้นไม้จากถุงนม ขวดแบรนด์โรยทรายสี เป็นต้น


4. กิจกรรมกลางแจ้ง
o เป็นการพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ – เล็กอย่างสัมพันธ์กัน ผ่านการเล่นเครื่องเล่นสนาม
o จัดสภาพสนามเป็นสนามทรายแทนการปูกระเบื้องยาง
o เด็กสามารถเรียนรู้และเล่นน้ำ เล่นทรายได้ในขณะเดียวกัน

5. กิจกรรมเสรี
o ให้เด็กเลือกทำกิจกรรมตามความสนใจ เช่น เลือกเล่นตามมุมกิจกรรมภายในห้องเรียน
6. กิจกรรมเกมการศึกษา
o ทางโรงเรียนและระดับชั้นอนุบาลจะอนุญาตให้เด็กเล่นในช่วงที่รอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน



การนำมาประยุกต์ใช้
1. นำกิจกรรมเสริมประจำวัน
· วันจันทร์ : กิจกรรมเล่านิทาน ประกอบการแสดงท่าทางของเด็ก ฝึกให้เด็กกล้าแสดงออก มีจินตนาการ มีทักษะการฟัง การพูด และการใช้ภาษา
· วันอังคาร : กิจกรรมโยคะ ฝึกการยืดหยุ่นของร่างกาย สมาธิ ความอดทน
· วันพุธที่ : กิจกรรมงามอย่างไทย ฝึกมารยาท ปลูกจิตสำนึกความเป็นไทย สวดมนต์ยาว ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
· วันพฤหัสบดี : กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ฝึกกล้ามเนื้อใหญ่ ฝึกการเคลื่อนไหว รู้จักทิศทาง ระดับสูงต่ำ
· วันศุกร์ : กิจกรรมบริหารสมอง (Brain Gym) ฝึกการคิด การพูด การฟัง ฝึกการใช้สมองซีกซ้ายและขวา
นำกิจกรรมไปปรับใช้ในการจัดกิจกรรมยามเช้าเพื่อพัฒนาเด็กและกิจกรรมหลักของตนเอง
2. นำกิจกรรมตาราง 9 ช่อง ซึ่งฝึกสมาธิ ฝึกจังหวะ ฝึกการทำงานของสมองซีกซ้ายและซีกขวา ตำแหน่ง ตัวเลข ทิศทาง การกะระยะ มาปรับใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
3. นำโครงการหนูทำได้ (เด็กฝึกแยกขยะ มาฝากธนาคารที่โรงเรียนปีละ 6 ครั้ง นำมาขายเพื่อหารายได้ นำขยะมารีไซเคิลในกิจกรรมสร้างสรรค์ มาปรับใช้ในการปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับเด็ก










การศึกษาดูงาน โรงเรียนอนุบาลนครปฐม จังหวัดนครปฐม
วันที่ 23 กรกฎาคม 2552
*****************************************
ข้อมูลพื้นฐาน

โรงเรียนอนุบาลนครปฐม ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ 9 ถ.เทศา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นโรงเรียนในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม เขต 1 โซนบูรพาศึกษา เริ่มก่อตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2496 โดยตั้งรวมอยู่กับโรงเรียนโรงเรียนราชินีบูรณะ อาศัยห้องชั้นล่างห้องหนึ่งของอาคารเรียนพิพิธอำพลบูรณะ เป็นที่เรียน โดยมีนางสาวสาคร เทวาหุดี อาจารย์ใหญ่โรงเรียนราชินีบูรณะ เป็นผู้รักษาการดำเนินการ


วันที่ 17 มิถุนายน 2497 ได้ย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่ คือ ที่อยู่ปัจจุบัน โดยก่อสร้างเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวสร้างตามแบบของกรมสามัญศึกษา และมีนางนิยม ใจห้าว เป็นครูใหญ่ สังกัดกองการศึกษาพิเศษ กรมสามัญ


วันที่ 13 สิงหาคม 2511 นางสาวยุพาพร บุษสาย ได้ย้ายมาแทน ปี 2512 ได้ก่อสร้างต่อเติมอาคารจากเดิมอีก 2 ห้องเรียน ด้วยเงินงบประมาณ นับเป็นอาคารหลังที่ 1


ปี พ.ศ. 2514 ได้สร้างอาคารเรียนหลังที่ 2 เป็นตึก 2 ชั้น แบบ 504 มี 8 ห้องเรียน สร้างโดยเงินงบประมาณ 500,000 บาท และเงินบำรุงการศึกษา 90,000 บาท


ปี พ.ศ. 2523 ได้สร้างอาคารเรียนหลังที่ 3 เป็นตึก 3 ชั้น จำนวน 10 ห้องเรียน ด้วยเงินบริจาค จำนวน 50,000 บาท และเงินบำรุงการศึกษา 875,000 บาท


1 ตุลาคม 2523 โรงเรียนอนุบาลนครปฐม ได้โอนจากกองการศึกษาพิเศษ กรมสามัญศึกษาซึ่งเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัดเดิม มาขึ้นอยู่ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ และ ปี พ.ศ. 2529 ได้สร้างอาคารเรียนหลังที่ 4 เป็นตึก 4 ชั้น แบบรัตนโกสินทร์ มี 20 ห้องเรียน ชั้นล่าง เป็นห้องเอนกประสงค์ สร้างด้วยเงินงบประมาณ 5,800,000 บาท ซึ่งสร้างแทนอาคารไม้ชั้นเดียวหลังที่ 1 ที่ได้ทำการรื้อถอนไปเนื่องจากทรุดโทรมมาก ชื่อว่า "อาคารเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา รัชกาลที่ 9"
นางสาวยุพาพร บุษสาย ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่ จนกระทั่งเป็นผู้อำนวยการ ระดับ 8 มี 48 ห้องเรียน ครู 89 คน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ 4 คน และมีนักเรียน 2,029 คน และได้เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2534 รวมระยะเวลาที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนอนุบาลนครปฐมถึง 23 ปี


วันที่ 1 ธันวาคม 2534 นางสาวขจี รัตนพาหุ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปราจีนบุรี ได้ย้ายมารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลนครปฐม ซึ่งขณะนั้นมีครู 89 คน มี 48 ห้องเรียน มีนักเรียน 2,030 คน มีอาคารเรียน 4 หลัง และอาคารประกอบ 5 หลัง


วันที่ 30 พฤศจิกายน 2539 นายประภูศักดิ์ ไขว้พันธุ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดพระประโทณเจดีย์ ย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน และปี พ.ศ. 2540 สร้างอาคารเรียนหลังที่ 5 เป็นอาคารตึก 3 ชั้น แบบกาญจนาภิเษก ชั้นล่างเป็นห้องประกอบอาหาร ชั้นที่ 2 เป็นห้องคอมพิวเตอร์ ชั้นที่ 3 เป็นห้องประชุม ด้วยเงินงบประมาณและเงินบำรุงการศึกษาสปช.601/26 จำนวน 6 ที่นั่ง ด้วยเงินงบประมาณทั้งสิ้น 4,373,231 บาท และโรงเรียนหาเพิ่มอีก 420,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,793,231 บาท


วันที่ 26 ธันวาคม 2545 นายสำเริง กุจิรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมฐานบินกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้ย้ายมารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลนครปฐม สร้างโครงหลังคาเหล็กเป็นรูปโดม โดยได้รับเงินสนับสนุนจากสมาคมครูและผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอนุบาลนครปฐม คลุมพื้นที่สนามที่ได้ปรับปรุงให้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมและเป็นสนามกีฬาในร่ม และปรับปรุงชั้นล่างของอาคาร "ร.ศ.200" ให้เป็นอาคารโภชนาการโดยได้รับความอนุเคราะห์จากหลวงพ่อพูล อตตรกโข และพระครูวินัยธร จิตตพงษ์ วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ได้ขยายห้องเรียนและเปิดรับนักเรียนเพิ่มขึ้นในหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ ได้พัฒนาบุคลากรเพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับปรุงด้านการเรียนการสอน โดยจัดพาคณะครูไปศึกษาดูงาน และจัดพานักเรียนไปเรียนภาษาอังกฤษภาคฤดูร้อนในต่างประเทศ ปรับปรุงอาคารเรียนทุกหลัง ทาสี ปูพื้นกระเบื้อง ปรับปรุงห้องประชุม ห้องเรียน ระบบไฟฟ้า ระบบเสียง ท่อระบายน้ำ สร้างสระว่ายน้ำ ศูนย์ดนตรี สนามเด็กเล่นสำหรับเด็กอนุบาล ห้องบอล สวนน้ำตก สวนพฤกษศาสตร์ สวนหมอก ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ แหล่งเรียนรู้ที่ส่งเสริม และเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ปรับปรุงโรงอาหารให้ถูกสุขลักษณะและได้มาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนดโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วย ตลอดจนปรับสภาพภูมิทัศน์โดยรอบบริเวณของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนเกิดความเพลิดเพลินและมีความสุขเมื่ออยู่ในสถานศึกษามากขึ้น จนทำให้โรงเรียนอนุบาลนครปฐมเป็นโรงเรียนที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และเป็นโรงเรียนที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เป็นโรงเรียนในฝัน หรือโรงเรียนดีใกล้บ้าน ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากเข้ามาเรียน


ปัจจุบันโรงเรียนอนุบาลนครปฐมมีครูจำนวน 85 คน มีผู้บริหารโรงเรียน คือ ดร.สำเริง กุจิรพันธ์ และรองผู้อำนวยการ 3 คน คือ นางสาวจงรักษ์ ศรีทิพย์ ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารวิชาการ และทำหน้าที่ฝ่ายบริหารงบประมาณ นายไพโรจน์ มหอมตพงษ์ ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารทั่วไป และทำหน้าที่ฝ่ายบริหารงานบุคคล นางสาวกมลธร ระวิสะญา (รองผู้อำนวยการคนใหม่) และนายเชาวลิต ศรีศศลักษณ์ ทำหน้าที่ผู้ประสานงานหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ


คำขวัญ
วิชาการเด่น เน้นคุณธรรม กิจกรรมดี เทคโนโลยีทันสมัย พลานามัยสมบูรณ์
ปรัชญาโรงเรียนสอนให้เด็กมีความรู้จริง มีความประพฤติดี
และสามารถปรับตนให้อยู่ในสังคมได้ อย่างมีความสุข


การบริหารงานของโรงเรียนอนุบาลนครปฐม
Ø ด้านบุคลากร ปัจจุบันโรงเรียนอนุบาลนครปฐมมีครูจำนวน 85 คน มีผู้บริหารโรงเรียน คือ ดร.สำเริง กุจิรพันธ์ และรองผู้อำนวยการ 3 คน คือ นางสาวจงรักษ์ ศรีทิพย์ ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารวิชาการ และทำหน้าที่ฝ่ายบริหารงบประมาณ นายไพโรจน์ มหอมตพงษ์ ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารทั่วไป และทำหน้าที่ฝ่ายบริหารงานบุคคล นางสาวกมลธร ระวิสะญา (รองผู้อำนวยการคนใหม่) และนายเชาวลิต ศรีศศลักษณ์ ทำหน้าที่ผู้ประสานงานหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ


Ø ด้านงบประมาณ ได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล สมาคมครูและผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอนุบาลนครปฐม


Ø ด้านวิชาการ ได้เปิดทำการสอนหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ และจ้างอาจารย์ชาวต่างประเทศมาสอนภาษาอังกฤษแก่นักเรียน ได้ขยายห้องเรียนและเปิดรับนักเรียนเพิ่มขึ้นในหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ ได้พัฒนาบุคลากรเพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับปรุงด้านการเรียนการสอน โดยจัดพาคณะครูไปศึกษาดูงานและจัดพานักเรียนไปเรียนภาษาอังกฤษภาคฤดูร้อนในต่างประเทศ จัดทำโครงการห้องเรียนเล็กในห้องเรียนใหญ่เพื่อแก้ปัญหาจำนวนเด็กมากเกินเกณฑ์ที่โรงเรียนรับได้ในแต่ละห้องเรียน


Ø ด้านทั่วไป ปรับปรุงอาคารเรียน ทาสี ปูพื้นกระเบื้อง ปรับปรุงห้องประชุม ห้องเรียน ระบบไฟฟ้า ระบบเสียง ท่อระบายน้ำ สร้างสระว่ายน้ำ ศูนย์ดนตรี สนามเด็กเล่นสำหรับเด็กอนุบาล ห้องบอล สวนน้ำตก สวนพฤกษศาสตร์ สวนหมอก ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ แหล่งเรียนรู้ที่ส่งเสริมและเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ปรับปรุงโรงอาหารให้ถูกสุขลักษณะและได้มาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วย ตลอดจนปรับสภาพภูมิทัศน์โดยรอบบริเวณของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนเกิดความเพลิดเพลินและมีความสุขเมื่ออยู่ในสถานศึกษามากขึ้นจนทำให้โรงเรียนอนุบาลนครปฐมเป็นโรงเรียนที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปและเป็นโรงเรียนที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เป็นโรงเรียนในฝัน หรือโรงเรียนดีใกล้บ้าน
การจัดบรรยากาศการเรียนการสอน
Ø บรรยากาศภายนอกห้องเรียน
มีพื้นที่สีเขียวอย่างเพียงพอ ให้ความร่มรื่นตลอดเส้นทาง มีสวนพฤกษศาสตร์ มีการจัดสรรพื้นที่ทุกจุดในโรงเรียนเพื่อการใช้สอยอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด เช่น จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามสวนหย่อม ศาลา ทางเดิน หน้าห้องสมุด ลานเอนกประสงค์ สามารถประยุกต์ใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้ทั้งหมดอย่างหลากหลาย มีแหล่งการเรียนรู้โดยรอบบริเวณโรงเรียน มีภาพวาดตามผนังอาคารตามทางเดิน ซึ่งสามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้

Ø บรรยากาศภายในห้องเรียน
มีการจัดประสบการณ์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก เช่น มุมธรรมชาติ มุมวิทยาศาสตร์ มุมบล็อก มุมเครื่องเล่นสัมผัส มุมหนังสือและมุมศิลปะ ฯ มีการจัดการแสดงผลงานนักเรียนทุกคนและจัดเก็บ
ผลงานของนักเรียนอย่างเป็นระบบโดยใช้แฟ้มพัฒนางาน มีการจัดป้ายนิเทศตามหน่วยการเรียนรู้ในแต่ละสัปดาห์ มีกฎ ข้อตกลงของห้องเรียน ตารางเวรประจำวันในทุกห้องเรียน
สภาพบรรยากาศโดยรวม มีการจัดวางสิ่งของ วัสดุอุปกรณ์เป็นสัดส่วน แยกเก็บเป็นมุมต่างๆอย่างเป็นระเบียบ บรรยากาศห้องเรียนมีแสงสว่างเพียงพอ อากาศถ่ายเทสะดวก มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอกับจำนวนนักเรียนในแต่ละกิจกรรม

รูปแบบการเรียนการสอนระดับปฐมวัย

จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเปิดทำการสอน ดังนี้ คือ
1. ระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 1-2 จำนวน 13 ห้องเรียนโดยเสียค่าเล่าเรียน 8,700 บาทต่อปี
2. ห้องเรียนโปรแกรมภาษาอังกฤษ ( English Program ) จำนวน 4 ห้องเรียน โดยเสียค่าเล่าเรียน 50,000 บาทต่อปี
3. ห้องเรียนโปรแกรมภาษาอังกฤษ ( English Program ) ห้องเตรียมความพร้อม
จำนวน 1 ห้องเรียน
มีจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้กิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 และมีการวิเคราะห์ ปรับปรุง พัฒนาหลักสูตรโดยมีคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย
ราชภัฏนครปฐมเป็นที่ปรึกษา โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์ก่อนลงมือทำกิจกรรมทุกครั้งและจัดการเรียนการสอนโดยใช้นวัตกรรมการสอนแบบ Project Approach ซึ่งเป็นการสอนที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ให้กับนักเรียนปฐมวัยได้เป็นอย่างดี

การจัดกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม ที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ ได้แก่

Ø กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เช่น ในการเรียนหน่วยนก จะให้เด็กคิดและทำท่าทางเลียนแบบนก
ตามจินตนาการเป็นต้น
Ø กิจกรรมเสริมประสบการณ์ สอนโดยเน้นการใช้คำถามปลายเปิดเพื่อฝึกให้เด็กได้คิดหาคำตอบ
คำถามที่ใช้มีทั้งคำถามระดับสูงและระดับต่ำ ทั้งนี้ครูต้องให้เวลากับเด็กในการคิดวิเคราะห์ในการตอบคำถาม
Ø กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการของตนเองอย่างหลากหลายในการทำงานศิลปะรูปแบบต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
3.1 ผลงานที่สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้
3.2 ผลงานที่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงออกอย่างอิสระตามจินตนาการ
ทั้งนี้มีทั้งกิจกรรมศิลปะงานปั้น งานประดิษฐ์ การวาดภาพด้วยสีน้ำ สีเทียน สีชอล์ค การเล่นกับสี การพิมพ์ภาพด้วยวัสดุต่างๆ เป็นต้น เด็กจะได้เลือกทำงานศิลปะ 2 ชิ้น ตามความสนใจและเมื่อหมดเวลาถ้าทำงานไม่เสร็จสามารถมาทำงานต่อไปในวันรุ่งขึ้นได้
Ø กิจกรรมเสรี ให้เด็กได้เลือกเล่นตามมุมต่างๆ อย่างอิสระตามความสนใจ รวมทั้งการเล่นบทบาสมมติ เช่น การเล่นเป็นแม่ เด็กก็จะคิดว่าแม่ต้องทำอย่างไร มีบทบาทอย่างไรหรือเล่นเป็นช่างทำผม เป็นต้น
Ø กิจกรรมกลางแจ้ง ส่งเสริมให้เด็กได้เล่นของเล่นสำเร็จรูปและการเล่นอิสระ ของเล่นสำเร็จรูปได้แก่ เครื่องเล่นสนาม ห้องบอล เป็นต้น ส่วนการเล่นอิสระได้แก่ การเล่นเกมการละเล่นต่างๆเช่น มอญซ่อนผ้า แม่งูเอ๋ย เป็นต้น
Ø กิจกรรมเกมการศึกษา ให้เด็กเล่นเกมการศึกษาในช่วงเย็นก่อนกลับบ้านเพื่อฝึกทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ให้กับเด็ก เช่น เกมโดมิโน เกมจับคู่ เกมจัดหมวดหมู่ เป็นต้น

การใช้นวัตกรรมการสอนแบบ โครงการ/โครงงาน ( Project Approach )

เป็นวิธีการสอนแบบโครงการ ที่เน้นการฝึกทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ให้กับเด็กปฐมวัยได้เป็นอย่างดี การสอนโครงการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ คือ
ระยะที่ 1 ระยะเริ่มต้นโครงการ
เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ใช้คำถามปลายเปิดกับนักเรียนเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กคิดตอบคำถามโดยใช้ความรู้และประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับเรื่องที่เด็กสนใจ
ระยะที่ 2 ระยะสืบค้น
เป็นระยะการสืบค้นหาคำตอบจากคำถามที่เด็กอยากรู้โดยใช้วิธีการต่างๆ เช่นการสังเกต สัมผัส สำรวจจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ การสัมภาษณ์ตลอดจนการเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ มาให้ความรู้แก่เด็กๆ
ระยะที่ 3 ระยะสรุปโครงการ
เป็นการจัดนิทรรศการเพื่อสรุปความรู้ที่ได้รับทั้งหมด พร้อมทั้งมีการนำเสนอผลงานของนักเรียนที่เกิดจากการเรียนการสอนแบบโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้มีการจัดกิจกรรมเสริมพิเศษ 5 กิจกรรม ได้แก่
- ว่ายน้ำ
- คอมพิวเตอร์
- ภาษาอังกฤษ
- โยคะ
- นาฏศิลป์
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนประจำวันได้มีการแจ้งถึงนโยบายของโรงเรียนให้ผู้ปกครอง
รับทราบถึงแนวการจัดการเรียนการสอนซึ่งจะไม่เน้นการสอนอ่าน – เขียน ไม่มีการบ้าน แต่มีการสอนเสริม พิเศษทักษะการอ่าน – เขียน หลังเลิกเรียนในเวลา 16.00 – 17.00 น. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ปกครองไม่มีการบังคับ ( เสียค่าใช้จ่าย 400 บาทต่อเดือน โดยทางโรงเรียนหักเป็นค่าสวัสดิการครูและโรงเรียน 100 บาท )




ประเมินผลการจัดการเรียนการสอน

Ø ใช้แบบประเมินผลตามหลักพหุปัญญา
Ø ประเมินผลตามสภาพจริง
Ø ประเมินผลจากผลงานนักเรียนโดยใช้แฟ้มพัฒนางาน
Ø ประเมินผลตามหน่วยการเรียนโดยครูและผู้ปกครอง


ประโยชน์ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้

Ø จะใช้พื้นที่ที่มีอยู่ในโรงเรียนให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
Ø จะเน้นให้เด็กทำผลงานศิลปะเพื่อเป็นร่องรอยของการพัฒนางานที่ชัดเจนและจะพัฒนางานศิลปะให้มีรูปแบบที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดให้กับเด็กได้อย่างเต็มตามศักยภาพ
Ø จะนำการจัดการเรียนการสอนแบบ Project Approach ไปใช้ที่โรงเรียนเพื่อพัฒนาทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ให้กับเด็กปฐมวัย
Ø จะจัดทำป้ายนิเทศทุกหน่วยการเรียนในแต่ละสัปดาห์ รวมทั้งจัดทำข่าวสาร บ้านและโรงเรียนเพื่อสรุปความรู้ที่เด็กๆได้รับและเรียนรู้ให้ผู้ปกครองรับทราบ