วันที่ 24 กรกฎาคม 2552
¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤
ข้อมูลพื้นฐาน
โรงเรียนเทศบาล ๓ (บ้านบ่อ) ตั้งอยู่เลขที่ 794 ถนนแสงชูโต ตำบลปากแพรก
อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71000 หมายเลขโทรศัพท์ 0-3451-1112
โทรสาร 0-3462-3564 www. tessaban 3 .ac.th
โรงเรียนเทศบาล ๓ (บ้านบ่อ) ได้รับอนุเคราะห์ที่ดินจากส.ต.ต.จำนง อุตสาหกิจ ให้เป็นสถานศึกษาในระดับประถมศึกษา จำนวน 3 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2482 และได้ก่อสร้างอาคารไม้ 1 หลัง ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 ได้โอนเข้ามาเป็นโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2518 ขณะนั้นมีนางบุญรอด เทพาสิต เป็นครูใหญ่คนแรก และมีคณะครูประกอบด้วยครูชาย 3 คน ครูหญิง 11 คน
พ.ศ. 2520 ก่อสร้างอาคารเรียนตามแบบกทม.800-2520 อาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก 3 ชั้น 9 ห้องเรียน
พ.ศ.2551 ต่อเติมอาคารเดิมปี 2550 จำนวน 3 ชั้น 9 ห้องเรียน
พ.ศ.2524 ก่อสร้างอาคารเรียนตามแบบกรมสามัญศึกษา 424 ล. 2 ชั้น
4 ห้องเรียน
พ.ศ.2524 ซื้อที่ดินภายใต้การนำของท่านทัตตชีโวจำนวน 2 งาน
พ.ศ.2529 สร้างอาคารอเนกประสงค์ขนาด 8 ×20 เมตร ตามแปลนเทศบาล
พ.ศ.2530 ต่อเติมอาคาร 2 ชั้น จำนวน 8 ห้องเรียน
พ.ศ.2537 ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ 3 ชั้น
พ.ศ.2543 ได้ก่อสร้างอาคาร 4 ชั้น 12 ห้องเรียน ตามแบบของสน.ศท.4/12 คอนกรีตเสริมเหล็ก
พ.ศ.2544 ได้ก่อสร้างอาคารประกอบใต้อาคาร 4 จำนวน 4 ห้อง
พ.ศ.2546 ก่อสร้างป้ายประชาสัมพันธ์และซุ้มนั่งพักของผู้ปกครองและนักเรียน
นโยบายและเป้าหมาย
นโยบายการจัดการศึกษา
มุ่งพัฒนานักเรียนและครูตามนโยบายของทางโรงเรียน 6 ประการ
1. จัดการศึกษาในระดับก่อนประถมศึกษาเตรียมความพร้อมของนักเรียนด้าน ร่างกาย อารมณ์สังคม จิตใจ สติปัญญา ให้ปรับตัวเข้ากับสังคม สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เพื่อเป็นพื้นฐานระดับประถมศึกษาต่อไป
2. การจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษามุ่งเน้นให้นักเรียนมีความรู้ ความสามารถทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ มีความรู้ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ได้ดี ใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่เหมาะสม มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดี รักและเข้าใจในศิลปวัฒนธรรมไทย
3. ครูจัดกระบวนการเรียนการสอนที่เหมาะสมโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เรียนรู้อย่างมีความสุข มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีสุขภาพกายและจิตใจที่ดี ใฝ่เรียนใฝ่รู้และศึกษาในระดับสูงต่อไป หรือประกอบอาชีพที่สุจริตมีประสิทธิภาพดำรงชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข
4. นักเรียนที่จบประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รับการสนับสนุนให้ได้ศึกษาต่อจนครบ 12 ปี นักเรียนที่จบได้รับการดูแลช่วยเหลือตามศักยภาพ
5. ส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ทันสมัย ในการจัดการเรียนการสอนพัฒนาการสอนให้ก้าวหน้าสู่การเริ่มระดับหรือตำแหน่งทางวิชาการ และพัฒนาตนเองให้รอบรู้กว้างไกล
6. ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ชุมชน ร่วมมือพัฒนาโรงเรียนในด้านหลักสูตรการสอนตลอดจนการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน
เป้าหมาย
- ด้านปริมาณ
1. นักเรียนอนุบาลมีประสิทธิภาพด้านการเรียนต่อในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ได้ 100%
2. นักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ซึ่งอยู่ในเขตบริการจะต้องเข้าเรียนทุกคนและจบหลักสูตรภายในระยะเวลา 6 ปี คิดเป็นร้อยละ 96 %
3. อัตราการสอบซ้ำชั้นของนักเรียนชั้น ป.1 – ป.5 จะต้องไม่เกินร้อยละ 2
4. อัตราการออกกลางครันของนักเรียนต้องไม่เกินร้อยละ 1 ของนักเรียนทั้งหมด
- ด้านคุณภาพ
1. ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้ระดับ 3-4 ในระดับชั้น ป.1- ป.6
ในปีการศึกษา 2548
2. ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องพยาบาล ให้บริการเป็นอย่างดี
3. อาคารสถานที่ภายในและภายในห้องเรียนสะอาดร่มรื่น สามารถสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนการสอนได้ตลอดเวลา
4. สนับสนุนกิจกรรมการเรียนการสอนในด้านต่างๆ เช่น ศิลปะ นาฏศิลป์ พลศึกษา เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
การจัดการศึกษาระดับปฐมวัย
วิสัยทัศน์สายชั้นอนุบาล
มารยาทงามเด่น เน้นประสบการณ์ตรง ส่งเสริมพัฒนาการ ประสานชุมชน
พันธกิจระดับอนุบาล
1. เด็กระดับอนุบาลทุกคนได้รับการฝึกฝนมารยาทในการไหว้ และทำได้สวยงาม
2. เด็กได้เรียนรู้จากของจริง สถานที่จริง เกิดการเรียนรู้แบบองค์รวม
3. เด็กได้รับการส่งเสริมพัฒนาการ 4 ด้าน อย่างสมดุล ได้แก่ ร่างกายเจริญเติบโต
อารมณ์ จิตใจ ร่าเริง กล้าแสดงออก มีสุนทรียภาพทางศิลปะและดนตรี สังคม มี
น้ำใจเอื้อเฟื้อแบ่งปัน ด้านสติปัญญา ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน รักการเรียนรู้
4. มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ระหว่าง เด็ก ครู ผู้ปกครอง อย่างน้อยภาคเรียน
ละ 1 ครั้ง
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระดับปฐมวัย
กิจกรรมหน้าเสาธง
กิจกรรมจะแยกจากส่วนของนักเรียนประถมศึกษา ลำดับกิจกรรมมีดังนี้
1. การเชิญธงชาติ ชักธง ร้องเพลงชาติ และสวดมนต์ไหว้พระ (มีผู้นำสวดมนต์สั้น)
2. ทำสมาธิภาวนาประกอบเพลง “ดั่งดอกไม้บาน”
3. กิจกรรมคารวะธรรม
- เด็กไหว้ครู (สวัสดีคุณครู)
- เด็กไหว้ซึ่งกันและกัน (สวัสดีเพื่อนๆ)
- เด็กไหว้รุ่นพี่ (สวัสดีพี่ๆ สวัสดีน้องๆ)
4. ร้องเพลงเทิดสถาบันพระมหากษัตริย์ “เพลงพ่อแห่งแผ่นดิน”และมาร์ชโรงเรียน
5. กิจกรรมเสริมประจำสัปดาห์ ดังนี้
วันจันทร์ : กิจกรรมเล่านิทาน สร้างสรรค์ความคิด
วันอังคาร : กิจกรรมโยคะ พัฒนาสมาธิ
วันพุธที่ : กิจกรรมงามอย่างไทย ฝึกการกราบ การไหว้
การนั่ง การเดิน
วันพฤหัสบดี : กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
วันศุกร์ : กิจกรรมบริหารสมอง (Brain Gym)
หลังจากนั้นจะเป็นช่วงดื่มนมและแยกเข้าห้องเรียน เพื่อเข้าสู่กิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมดังนี้
1. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
o ระดับอนุบาล 1 จะเป็นการเคลื่อนไหวและจังหวะแบบพื้นฐาน
o ระดับอนุบาล 2 จะจัดกิจกรรมตาราง 9 ช่อง ควบคู่ไปกับกิจกรรมนี้
2. กิจกรรมเสริมประสบการณ์
o เนื้อหาจัดเป็นหน่วยการจัดประสบการณ์คล้ายของกรุงเทพมหานคร
o รูปแบบแผนการสอนเป็นแบบบรรยายแนวตั้ง แทรกหลักเศรษฐกิจพอเพียงและหน่วยการเรียนรู้ท้องถิ่น
o เน้นการฝึกปฏิบัติจริง เรียนรู้โดยแนวทางการทำโครงงาน มีภูมิปัญญาท้องถิ่นและผู้ปกครองมาร่วมจัดประสบการณ์เรียนรู้ร่วมกับเด็กและคุณครู เช่น หน่วยส้มตำ หน่วยขนมไทย เป็นต้น
3. กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
o รูปแบบเน้นการตัด ฉีก ปะ ระบายสี คล้ายกับการจัดกิจกรรมของโรงเรียนกรุงเทพมหานคร แต่รณรงค์ให้นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการสร้างสรรค์งาน เช่น ตุ๊กตาจากถุงนม รถจากกระดาษลัง ต้นไม้จากถุงนม ขวดแบรนด์โรยทรายสี เป็นต้น
4. กิจกรรมกลางแจ้ง
o เป็นการพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ – เล็กอย่างสัมพันธ์กัน ผ่านการเล่นเครื่องเล่นสนาม
o จัดสภาพสนามเป็นสนามทรายแทนการปูกระเบื้องยาง
o เด็กสามารถเรียนรู้และเล่นน้ำ เล่นทรายได้ในขณะเดียวกัน
5. กิจกรรมเสรี
o ให้เด็กเลือกทำกิจกรรมตามความสนใจ เช่น เลือกเล่นตามมุมกิจกรรมภายในห้องเรียน
6. กิจกรรมเกมการศึกษา
o ทางโรงเรียนและระดับชั้นอนุบาลจะอนุญาตให้เด็กเล่นในช่วงที่รอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน
การนำมาประยุกต์ใช้
1. นำกิจกรรมเสริมประจำวัน
· วันจันทร์ : กิจกรรมเล่านิทาน ประกอบการแสดงท่าทางของเด็ก ฝึกให้เด็กกล้าแสดงออก มีจินตนาการ มีทักษะการฟัง การพูด และการใช้ภาษา
· วันอังคาร : กิจกรรมโยคะ ฝึกการยืดหยุ่นของร่างกาย สมาธิ ความอดทน
· วันพุธที่ : กิจกรรมงามอย่างไทย ฝึกมารยาท ปลูกจิตสำนึกความเป็นไทย สวดมนต์ยาว ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
· วันพฤหัสบดี : กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ฝึกกล้ามเนื้อใหญ่ ฝึกการเคลื่อนไหว รู้จักทิศทาง ระดับสูงต่ำ
· วันศุกร์ : กิจกรรมบริหารสมอง (Brain Gym) ฝึกการคิด การพูด การฟัง ฝึกการใช้สมองซีกซ้ายและขวา
นำกิจกรรมไปปรับใช้ในการจัดกิจกรรมยามเช้าเพื่อพัฒนาเด็กและกิจกรรมหลักของตนเอง
2. นำกิจกรรมตาราง 9 ช่อง ซึ่งฝึกสมาธิ ฝึกจังหวะ ฝึกการทำงานของสมองซีกซ้ายและซีกขวา ตำแหน่ง ตัวเลข ทิศทาง การกะระยะ มาปรับใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
3. นำโครงการหนูทำได้ (เด็กฝึกแยกขยะ มาฝากธนาคารที่โรงเรียนปีละ 6 ครั้ง นำมาขายเพื่อหารายได้ นำขยะมารีไซเคิลในกิจกรรมสร้างสรรค์ มาปรับใช้ในการปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับเด็ก